ทักษะทางน้ำและการว่ายน้ำเอาชีวิตรอด
1. ฝึกทักษะการว่ายน้ำอย่างง่าย
2. ฝึกหายใจเข้าออกขณะอยู่ในน้ำ
3. ฝึกเหยียดตัวตรงตีเท้าในน้ำ
4. ฝึกลอยตัวในน้ำด้วยโฟม
5. การพยุงตัวน้ำ
6. การว่ายน้ำเอาชีวิตรอด
7. การช่วยเหลือผู้จมน้ำ
1. ฝึกทักษะการว่ายน้ำอย่างง่าย
ส่วนใหญ่ของสาเหตุของคนที่ไม่กล้าว่ายน้ำ กลัวจม กลัวหายใจไม่ออก
เกร็งและตื่นตระหนกขณะว่ายน้ำ แม้กระทั่งมีความหลังฝังใจในการจมน้ำ ทั้งปัจจุบัน
และ อดีตที่ผ่านมา การว่ายน้ำได้หรือาแค่ตกน้ำแล้วเอาตัวรอดได้ทำตามขั้นตอนง่ายๆดังนี้
2. ฝึกหายใจเข้าออกขณะอยู่ในน้ำ หรือ"ปั้มลม"
- ให้จับขอบสระไว้ทั้งสองมือให้เอาริมสระที่ตื้นๆที่เรายืนได้
- หายใจเข้าเหนือผิวน้ำให้เต็มปอด
- แล้วนั่งยองๆลงไปในน้ำ ปล่อยลมหายใจออกใต้น้ำ โดยให้ค่อยๆหายใจออก
- เมื่อลมใกล้จะหมดก็ให้ขึ้นมาหายใจให้เต็มปอดอีกครั้ง
- ทำสลับกันไปเรื่อยๆเป็นจังหวะช้าๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับการหายใจออกใต้ผิวน้ำ
3. ฝึกเหยียดตัวตรงตีเท้าในน้ำ
หลังจากที่เราฝึกปั้มน้ำจนชินแล้ว ก็เปลี่ยนจากท่าลุกนั่งไปเป็นเกาะขอบสระ
เหยียดตัวตรง
- เริ่มด้วยท่าเดิมคือเกาะขอบสระฝั่งที่ตื้นๆไว้ก่อน
- จากนั้นเมื่อพร้อมก็ให้หายใจเข้าแล้วเหยียดตัวตรงในท่าคว่ำหน้าลงไป
ในน้ำโดยยังไม่ต้องตีขาก่อน
- ค่อยๆหายใจออกเหมือนในท่าลุกนั่ง
- เมื่อลมใกล้หมด ให้เงยหน้าขึ้นตรงๆแล้วหายใจเข้า เหมือนท่าเรานอนอ่านหนังสือ
- ก็ให้เพิ่มการตีขาสลับซ้ายขวา ขึ้นลง ช้าๆร่วมเข้าไปกับการฝึกหายใจด้วยไป
* ข้อควรระวังคือ ให้ตีขาสลับแบบช้าๆไปก่อนจนชินแล้วค่อยๆเพิ่มความเร็ว
4. ฝึกลอยตัวในน้ำด้วยโฟม
หลังจากเราคุ้นเคยกับการหายใจด้วยการลุกนั่งยืดตัวที่ขอบสระแล้วก็ลองใช้โฟมกัน
- หาโฟมว่ายน้ำสักแผ่น จับโฟมแล้วหันหน้าออกสระน้ำ ว่ายง่ายๆก่อนเลย
ออกไปจากขอบสระประมาณ 5 เมตรก่อน แล้วหันหน้ากลับเข้าขอบสระ
-ทำในระยะ 5 เมตรนี้ไปเรื่อยๆ จนชิน ก็ค่อยๆเพิ่มระยะไปเป็น 10 15 20 25
- ฝึกบ่อยๆ ให้เชี่ยวชาญได้ท่าเดียว แล้วพัฒนาต่อไป
5. การพยุงตัวน้ำ
การจะลอยตัวแนวดิ่งในน้ำ ต้องรู้วิธีขยับแขนขาให้ถูกวิธี เพื่อทรงตัวและลอยอยู่
เหนือน้ำ ถือเป็นทักษะการเอาตัวรอดจากการจมน้ำที่สำคัญมาก ควรเรียนรู้ไว้ก่อนเริ่มหัด
ว่ายน้ำ การฝึกลอยตัวแนวดิ่งในน้ำได้นานๆ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของทั้งร่างกาย การลอยตัวแนวดิ่ง
6. การว่ายน้ำเอาชีวิตรอด
6.1 ในเบื้องต้นการว่ายน้ำให้ได้อึด สามารถว่ายต่อเนื่องให้ได้ 600 - 1,200 เมตร
ว่ายแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ว่ายชิลๆ สบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องจ้วง ไม่ต้องจับเวลา
แต่ต้องว่ายให้อึด ว่ายได้เรื่อยๆ ว่ายได้นานๆ ต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดพักเป็น
ระยะทางยาวๆ
6.2 ฝึกว่ายน้ำแบบลอยคอ ซึ่งต้องอาศัยการลอยตัวแบบ Treading Water ให้ได้
ก่อน (ซึ่งคนไทยเรามักจะเรียกว่า "ลูกหมาตกน้ำ") ซึ่งถ้าเด็กสามารถลอยตัวแบบ
Treading Water ได้แล้ว เขาจะประยุกต์ท่าฟรีสไตล์ และท่ากบ โดยว่ายน้ำไปข้างน้ำ
ในลักษณะลอยคอโดยไม่ต้องให้หน้าคว่ำไปในน้ำได้ การว่ายน้ำแบบลอยคอจึงการว่ายน้ำ
ที่ท่าไม่สวย แต่มันใช้เอาตัวรอดได้
6.3 สิ่งที่สำคัญที่สุดของการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดก็คือ ความสามารถในการลอยตัว
และอยู่ในน้ำได้นานที่สุด ซึ่งมีการค้นพบว่าท่าที่คนสามารถลอยตัวในน้ำได้นานที่สุด
ก็คือ Drown Proofing ลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำได้
7. การช่วยเหลือผู้จมน้ำ
7.1 รีบนําผู้ที่จมน้ำออกจากที่เกิดเหตุและให้อยู่ในที่ปลอดภัย โดยจัดท่าให้นอน
หงายราบบนพื้นที่มีความแข็ง เช่น บนพื้น บนโต๊ะ หากเคยได้รับการฝึกช่วยชีวิตผู้จมน้ำ
มาแล้วและผู้ให้การช่วยเหลือมีความแข็งแรง การช่วยหายใจเริ่มได้ตั้งแต่อยู่ในน้ำ
และให้รีบตัวผู้ป่วยขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว และให้ผู้อื่นรีบโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ
และขอรถพยาบาลที่หมายเลข 1669โดยแจ้งสถานการณ์ สถานที่เกิดเหตุและหมายเลขติดต่อกลับ
7.2 การช่วยชีวิตสามารถทําได้โดยการกดหน้าอก 30 ครั้ง
(กดที่กึ่งกลางระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง ลึกมากกว่า 2 นิ้ว อัตราเร็วมากกว่า 100 ครั้ง
ต่อนาที)
7.3 สลับกับช่วยหายใจ 2 ครั้ง (โดยใช้มือหนึ่งกดหน้าผาก อีกมือหนึ่งยกคาง
มือที่กดหน้าผากบีบจมูกผู้จมน้ำ ประกบปากเป่าลม จนหน้าอกผู้จมน้ำพองขึ้นเล็กน้อย)
ทําการกดหน้าอก 30 ครั้งสลับกับช่วยหายใจ 2 ครั้งไปเรื่อยๆ จนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง
หรือหากสามารถนําผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้เร็วกว่าก็ให้ทําการช่วยชีวิตตลอด
การเดินทางนําส่ง โดยห้ามหยุดเป็นอันขาด
แหล่งอ้างอิง
https://scoutshare.blogspot.com/2022/02/water.html
https://docs.google.com/document/d/1WKw5RhOYNPTCQN_yweokHvFGhOd6Pgfpj7O6s3j2rCo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น