Translate

หน้าเว็บ

9 ตุลาคม 2562

เหรียญ ร.6 หลังเจ้าคุณนรรัตน์

เหรียญ ร.6 หลังเจ้าคุณนรรัตน์


จ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต หรือ ธัมมวิตกโกภิกขุ  วัดเทพศิรินทร์ กรุงเทพ 
ได้รับการนับถือจากผู้คนทั่วไปว่าเป็นหนึ่งในพระอรหันต์แห่งยุครัตน โกสินทร์  เป็นพระปฏิบัติดี 
ปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่งที่ผมนับถือเป็นเสมือนบิดา  ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ อดีตเคยเป็นถึงพระยาพานทอง 
มหาดเล็กคนสนิทในสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนนั้นท่านถือว่าเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตไกล 
แต่เมื่อล้นเกล้ารัชกาที่ 6 ได้เสด็จสวรรคตท่านได้บวชเป็นพระราชกุศลต่อรัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2468 
เมื่ออายุเพียง 28ปี มีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) เป็นพระอุปัชฌาย์  โดยครั้งแรกตั้งใจบวชเพียงพรรษาเดียว 
จากนั้นท่านก็ผลัดเป็นสองพรรษา สามพรรษา ต่อมารัชกาลที่ 7 ท่านทรงเห็นว่า พระยานรรัตน์ราชมานิต 
เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ มั่นคงทั้งสูงด้วยความกตัญญูกตเวทีทั้งเป็นผู้ที่มีความรู้สูง ต้องการให้ลาสิกขาเพื่อมาทำงาน
 แต่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ก็ปฏิเสธและขอบวชตลอดชีวิต  ส่วนทรัยพ์สินเงินทอง อันเป็นมรดกของท่าน 
และคู่หมั้นท่านก็สามารถตัดสินใจสละทิ้งเพื่อเป็นพระโดยไม่สึก  ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ เป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดา 
ท่านตั้งสัจจะอยู่วัดในกรุงให้เหมือนวัดป่า และไม่ออกบิณฑบาตหรือทำกิจนิมนต์นอกวัด ตลอดชีวิตของท่าน
ฉันมื้อเดียว ท่านจะลงวัดทำกิจสวดมนต์ทุกวัน ยกเว้นวันที่ท่านอาพาธหนักเท่านั้น  ในช่วงบั้นปลายของชีวิต 
ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ เป็นโรคมะเร็งที่ลำคอซึ่งท่านไม่เคยแสดงอาการทุกข์ทรมานให้เห็นแม้แต่ครั้ง เดียว  
ก่อนมรณภาพ 1 เดือนท่านได้อธิษฐานจิตพระเครื่องเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2513 
มีวัตถุมงคลจำนวนมากมาร่วมพิธีครั้งนี้  สำหรับ วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตมีอานุภาพครอบจักรวาล ดีทุกด้าน 
โดยเฉพาะด้านการศึกษาก็ดี
ใครที่เรียนหนังสืออยู่ อยากเรียนเก่ง สมองดี ถ้ามีพระของท่านติดตัวแล้วระลึกถึงคุณงามความดีของท่านอยู่เสมอ 
เชื่อว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในทางดี
ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ถึงแก่มรณภาพ วันที่ 8 มกราคม 2514 สิริอายุ 74 ปี 46 พรรษา


เหรียญรัชกาลที่ 6 หลังเจ้าคุณนรรัตน์ เหรียญรุ่นนี้จะมีพิมพ์ใหญ่กับเล็ก 
เหรียญนี้โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯสมัย พลโท สมุทร ชาตินันท์ เป็นเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อสมนาคุณแก่ผู้ที่บริจาคทรัพย์สมทบทุนสร้างพระบรมรูป ร 6 ขนาดเท่าองค์จริงเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ ณ หน้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในสมัยนั้น
เหรียญรุ่นนี้พุทธาภิเษกถึง 2 ครั้ง กล่าวคือ ครั้งแรกตอนทำพิธีหล่อพระรูป มีพระคณาจารย์ดังๆหลายรูปร่วมปลุกเสก และครั้งที่สองเข้าพิธีในโบสถ์วัดเทพวัดเทพศิรินทร์ อธิฐานจิตโดยท่านเจ้าคุณนรฯ เมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2513

เจ้าคุณนร

เจ้าคุณนร ยอดกตัญญู

  โดยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จึงเป็นเหตุให้ท่านตัดสินใจบวชหน้าไฟ อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ แล้วก็กลายเป็นบวชจนชั่วชีวิต ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ท่านบวชอยู่เป็นเวลาช้านานถึง 46 พรรษา คิดเป็นวันก็ได้กว่า 16,000 วันนั้น ไม่มีวันใดเลยที่ท่านจะว่างเว้นจากการกรวดน้ำอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นับเป็นยอดกตัญญูอย่างที่จะหาบุคคลใดมาเทียบได้ยากยิ่ง
ยิ่งกว่านั้น ทุกวันที่ 25 พฤศจิกายน อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 นั้น ท่านก็จะงดเว้นการฉันอาหาร 1 วัน
และนั่งกระทำสมาธิตั้งแต่หัวค่ำไปจนยันสว่างเพื่อน้อมจิตอุทิศถวายกุศลผลบุญ ที่ได้ปฏิบัติบำเพ็ญมาโดยตลอด แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้น
ท่านได้เฝ้าปฏิบัติอยู่เช่นนี้ เป็นประจำทุกปีมิได้เคยมีขาด หรือเว้นเลย

พระยาหิรัญสูร

พระยาหิรัญสูร
  ท้าวหิรัญพนาสูร หรือ ท้าวหิรัญฮู เป็นเทพที่ตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิ (ประพฤติในทางที่ดีงาม)
คอยติดตามป้องกันภัยอันตรายไม่ให้มากล้ำกรายรัชกาลที่ 6 และข้าราชบริพารที่อารักขา
มีผู้เคยเห็นร่างท่านเป็นยักษ์ดุร้ายน่าเกรงขาม แต่ในยามปกติเล่ากันว่า ท่านท้าวหิรัญฮู
นั้นเป็นเทพที่มีรูปงามเลยทีเดียว รัชกาลที่ 6 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงสื่อกับบรรดา
"โอปปาติกะ" หรือ "วิญญาณ" ได้บ่อยครั้ง ซึ่งผู้เขียนเคยนำมาเล่าให้ฟังแล้วว่าครั้งหนึ่ง
พระองค์ท่านทอดพระเนตรเห็นผู้ที่ตายแล้วมาหา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมา
จึงดูคล้ายกับว่าพระองค์ทรงมี "สัมผัสที่ 6" ในทางเร้นลับไม่น้อย




  ในเรื่องของ "ท้าวหิรัญพนาสูร" เทพผู้อารักขารัชกาลที่ 6 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสมัย ร.ศ. 126
ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองลพบุรี
เมื่อครั้งที่ยังไม่ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ในคืนวันเสด็จประพาสคืนหนึ่ง มีผู้ตามเสด็จท่านหนึ่ง
ได้มีนิมิตฝันประหลาดเห็นชายหุ่นล่ำสันใหญ่โตมาหา บอกว่าชื่อ "หิรัญ" เป็นอสูรชาวป่า
ที่มานี่จะมาบอกว่า ต่อแต่นี้เขาจะคอยตามเสด็จล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ไม่ว่าจะประทับอยู่ที่ใด
เขาจะคอยดูแลและระวังภัยไม่ให้เกิดขึ้นกับพระองค์ท่านได้ เมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงทราบเหตุการณ์ในฝัน
จึงทรงมีพระราชดำรัสให้จุดธูปเทียน จัดเตรียมอาหารเซ่นสังเวย "ท้าวหิรัญฮู"
ในป่าเมืองลพบุรีนั้นทันที และทุกครั้งไม่ว่าจะเสด็จฯ ไปแห่งหนใด ในเวลาค่ำถึงยามเสวย
พระองค์จะมีพระราชดำรัสให้จัดอาหารเซ่นสังเวย "ท้าวหิรัญฮู" ทุกครั้งไป


และเมื่อรัชกาลที่ 6 เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ก็ยังทรงระลึกถึง "ท้าวหิรัญฮู" อยู่เสมอ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหลวงมาหล่อรูปท้าวหิรัญฮูด้วยทองสัมฤทธิ์ จากนั้นก็โปรดเกล้าฯ
ให้ข้าราชบริพารจัดเครื่องเซ่นสังเวย และเชิญ "ท้าวหิรัญฮู" เข้าสถิตในรูปหล่อนั้น พระราชนามให้ว่า
"ท้าวหิรัญพนาสูร" แต่งองค์ทรงเครื่องสวมชฎาแบบโบราณ มีไม้เท้าเป็นเครื่องประดับยศ


มหาดเล็กคนสนิทของรัชกาลที่ 6 ผู้หนึ่ง คือ "จมื่นเทพดรุณทร" ท่านผู้นี้ได้เล่าให้ข้าราชบริพารฟังต่อ ๆ
กันมาว่า "ในหลวง (ร.6) ทรงเรียกท้าวหิรัญพนาสูรว่า "ตาหิรัญฮู" ซึ่งคนในวังสมัย ร.6 จะรู้ถึงกิตติศัพท์
ของ "ตาหิรัญฮู" ดีว่าสำแดงเดชและอภินิหารอย่างไรบ้าง จึงเล่ากันปากต่อปากเรื่อยมา
อย่างเรื่องแรกเกิดขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปท้าวหิรัญพนาสูร
โดยให้พระยาอาทรธรศิลป์ (ม.ล.ช่วง กุญชร) เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีมิสเตอร์แกลเลตตี
นายช่างชาวอิตาเลี่ยนที่มาทำงานในกรมศิลปากรเป็นผู้หล่อ เมื่อหล่อเสร็จก็จะยกขึ้นตั้งบนฐาน
ในพระราชวังพญาไท มิสเตอร์แกลเลตตีก็เอาเชือกผูกคอท้าวหิรัญฮูชักรอกขึ้นไป
เสร็จแล้วมิสเตอร์แกลเลตตีก็ป่วยกะทันหันทำงานไม่ได้ เพราะคอเคล็ดโดยไม่รู้สาเหตุ
พอพระยาอาทรไปเยี่ยม ท่านพอจะรู้สาเหตุจึงบอกว่าคงเป็นเพราะเอาเชือกไปผูกคอรูปหล่อท้าวหิรัญฮู
ให้เอาดอกไม้ ธูป เทียนไปขอขมาเสีย เมื่อนายช่างชาวอิตาเลี่ยนทำตามคอที่เคล็ดจึงกลับมาเป็นปกติ
อย่างอัศจรรย์


  กับอีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับ "ท้าวหิรัญพนาสูร" ที่เล่ากันมา เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 6 สวรรคตแล้ว
รัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสวยราชย์ต่อ วันหนึ่งพระองค์ได้เสด็จฯ
ตรวจรถยนต์พระที่นั่ง ซึ่งเป็นพระราชมรดก โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าออศคาร์นุทิศ
กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ เสด็จไปด้วย กรมหมื่นฯ ท่านนี้ได้กราบทูลขอรถยนต์คันหนึ่ง
ซึ่งมีรูปท้าวหิรัญฮูติดอยู่ด้วย ซึ่งรัชกาลที่ 7
ก็พระราชทานให้ เล่ากันว่าเมื่อเอารถกลับไปไว้ที่วังสี่แยกหลานหลวง คืนนั้นก็นอนไม่หลับ
ได้ยินเสียงกุกกัก ๆ ในโรงเก็บรถทั้งคืน ครั้นลุกไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร จึงคิดว่าอาจเป็นเสียงหนู
แต่ขณะที่กำลังคิดในทางที่ดีก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะจู่ ๆ ไฟในโรงรถก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมาเฉย ๆ
ทั้ง ๆ ที่โรงรถปิดอยู่ จึงเรียกคนขับรถและมหาดเล็กไปช่วยกันดู แต่พอเปิดประตูโรงเก็บรถก็ต้องใจหาย
เป็นครั้งที่ 2 เพราะไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย และยังน่าสงสัยที่เห็นรถจอดขวางโรง
ซึ่งแต่แรกไม่ได้จอดในลักษณะนี้ จึงต้องช่วยกันกลับรถจอดใหม่ จากนั้นรุ่งขึ้น
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าออศคาร์นุทิศ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์
ต้องจัดเครื่องเซ่นสังเวยท้าวหิรัญฮูเพื่อขอขมา และไม่กล้าใช้รถพระราชทานคันนั้นอีกเลย


เครื่องแบบลูกเสือ การแต่งเครื่องแบบลูกเสือ กางเกง  ชายกางเกงขาสั้น ผ้าผูกคอ     ใช้ผ้าผูกคอตามสังกัด   (เช่น ลูกเสือเขตการศึกษา 8  เช...

ค้นหาบล็อกนี้